Gamer Hit All Time

Saturday, June 28, 2008

Diablo II : Lord of Destruction (Episode 12)

การกลับมาของเจ้าอสูร..แห่งความกลัว

หลังจาก Lazarus ลักพาตัวเจ้าชาย albrecht ในที่สุด Diablo ก็ได้ร่างที่จะใช้ในการกลับมาบนโลกอีกครั้ง...ในที่สุด Diablo ก็เข้าครอบงำเจ้าชาย Albrecht ในระหว่างการครอบงำนั้น.. เจ้าชาย Albrecht ต้องพบกับความน่าสะพรึงกลัวอันแสนสาหัส...ความกลัวของเจ้าชายและพลังของเจ้า อสรู Diablo นั้นทำให้เกิดการบิดผันของมิติ....บัดนี้นรกนั้นได้มาอยู่บนโลกมนุษย์แล้ว ...ภายใต้โบสถ์แห่ง Horadrim …….

บัดนี้เจ้าอสูรแห่งความกลัวกลับมาอีกครั้ง......แต่ Diablo นั้นค้นพบว่าตนเองนั้นยังคงอ่อนแรง...และยังมีพลังไม่เต็มที่...ไม่สามารถ ออกไปดำเนินการตามแผนการต่อไปได้จึงเรียกเหล่าปีศาจข้ารับใช้ของตนออก มา....บัดนี้เขาวงกตใต้โบสถ์แห่งเมือง Tristram กลายเป็นรังของเหล่าอสูรจากนรก....

ไม่นานโบสถ์แห่งเมือง Tristram ก็กลายเป็นสถานที่ต้องสาป เหล่าผู้คนพากันหวาดกลัวไม่อยากเข้าใกล้..มีเสียงร่ำลือถึง...เสียงร้อง โหยหวน..และเสียงของเหล่าปีศาจจากนรก......

แต่ว่า..เหล่านักเดินทางทั้งหลายก็ต้องการเดินทางมายังโบสถ์แห่งนี้... เหล่านักพจญภัยเดินทางมาจากทั่วทุกทิศตามข่าวลือ...ถึงทรัพย์สมบัติที่อยู่ ภายใต้โบสถ์...ผู้คนมากมายเดินทางมายัง Tristram ด้วยจุดประสงค์ที่หลากหลายแตกต่างกัน...มีทั้งเหล่าโจรปล้นสุสาน..เหล่าจอม เวทย์ที่แสวงหาความรู้ที่สาปสูญ...หรือกระทั่งเหล่าพาลาดินผู้ต้องการช่วย เหลือผู้คน..และคนอีกมากมายหลายประเภท....

และนี่คือจุดเริ่มต้นของการพจญภัยของเหล่าผู้อาจหาญท้าทายอำนาจของ จอมอสูร...ขอเชิญทุกท่านร่วมเดินทางเข้าสู่...ความมืดมิดในเขา วงกต....ฝ่าฟันเหล่าอสูรร้ายจากนรก...พบกับคำภีร์เวทย์ที่สูญหาย..ทรัพย์สม บัตรมากมาย...เพชิญหน้ากับ..เจ้าอสูรแห่งความกลัว..ที่ห้วงลึกในเขาวงกต..ขอ เชิญเข้าสู่...Diablo 1

Thursday, June 26, 2008

Diablo II : Lord of Destruction (Episode 11)

เจ้าชายที่หายไป..และกองพันราชากระดูก…

อย่างไรก็ตาม Diablo นั้นหลังจากไม่สามารถครอบงำวิญญารของ Leoric ได้และได้ค้นพบว่าส่วนนึงของจิตใจของ Leoric ยังคงพยายามต่อสู้ขัดขืนตนเองอยู่ Diablo นั้นจึงได้ย้ายเป้าหมายไปที่เจ้าชาย Albrecht แทน... Lazarus ลักพาตัวเจ้าชายไป....หลังจากการหายไปของเจ้าชาย Albrecht ราชา Leoric ก็ยิ่งคุ้มคลั่งมากขึ้นกว่าเดิมผู้บริสุทธิ์จำนวนมากถูกสั่งประหารเนื่องจาก ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในการลักพาตัวองค์ชาย....แต่ถึงจะจับตัวผู้คนมาสอบสวนมาก มายเพียงใด..ก็ยังไร้ร่องรอยของเจ้าชาย Albrecht ....

Lazarus นั้นนำเหล่าชาวบ้านเข้าไปตามหาเจ้าชายภายใต้โบสถ์ของเมือง...แต่ขุดประสงค์ ที่แท้จริงก็คือล่อลวงเหล่าผู้คนเข้าไปให้ปีศาจสังหารนั่นเอง...
หลังจากนั้นไม่นาน.. Lachdanan อัศวินหนึ่งในกองทัพของ Leoric ผู้รอดชีวิตกลับมาจากสงครามนองเลือด...นำข่าวความพ่ายแพ้ของกองทัพ Leoric กลับมา....สองตาของ Lachdanan นั้นได้เห็นการตายของเหล่าสหายอัศวินของตนทั้งหลาย...และไม่อาจตอบเหล่า เพื่อนพ้องที่ตาย...ถึงความหมายของสงครามครั้งนี้...แบกรับความทุกข์ความรวด ร้าวแสนสาหัสกลับมาหาราชาที่ตนภักดี...โดยไม่รู้เลยว่าสิ่งที่รอตนอยู่.... มีเพียงความทรมานรวดร้าวมากกว่าเดิมเท่านั้นเอง.......

Lachdanan นำเหล่าอัศวินที่รอดชีวิตเดินทางกลับมาหา Leoric…หลังจากคุกเข่าลงต่อหน้าราชาของตน...สิ่งที่ได้ยินมีเพียงคำสั่ง ประหารจากราชาที่ตน ภักดี... บัดนี้ Lachdanan รู้แล้วว่าราชาที่จนเคยรักและภักดีได้จากไปแล้ว สิ่งที่เหลืออยู่มีเพียงเศษซากของชายแก่คลุ้มคลั่งไร้สติ....สิ่งที่ตนเองทำ ได้เหลือเพียงอย่างเดียว... Lachdanan สังหารราชา Leoric ด้วยมือตนเอง...ในดาบเดียวหวังที่จะปลดปล่อยวิญญาณที่คลุ้มคลั่งของราชาของ ตน....โดยไม่รู้เลยว่าชะตากรรมที่โหดร้ายกว่าความตายกำลังรอคอยตนเองและราชา ของตนอยู่....

ในห้วงลมหายใจสุดท้ายของ Leoric ราชาแห่งความมืดได้กล่าวคำสาปสุดท้าย...คำสาปแห่งความมืดที่ทรงพลังและมีผล ต่อเหล่าอัศวินที่ภักดีต่อตนเอง...Leoric สาปแช่ง ให้เหล่าอัศวินผู้ภักดีต่อตนต้องตามไปรับใช้ตนเองในนรกไป ...ส่งผลให้เหล่าอัศวินทั้งหลาย...ได้กำเนิดใหม่...เพื่อรับใช้และสังหาร ศัตรูของราชาที่พวกตนภักดีอีกครั้ง...แต่ครั้งนี้ไม่มีอีกแล้ว..เหล่าอัศวิน และกองทัพที่แสนเกรียงไกรและสง่างามในอดีต...ไม่มีอีกแล้วราชาทรงธรรมผู้เคย ห้าวหาญและมีเมตตาธรรม...บัดนี้หลงเหลือเพียงเศษซากของความชั่วร้าย..จากคำ สาปแห่งความตาย..บัดนี้เหลือเพียงเหล่าข้ารับใช้แห่งนรกผู้ล่าสังหาร มนุษย์.....เหลือเพียงกองพันแห่งราชาโครงกระดูก....Leoric

Wednesday, June 25, 2008

Diablo II : Lord of Destruction (Episode 10)

จุดเริ่มต้นของฝันร้าย....Terror begin.

ในตอนนั้น องค์ราชา Leoric ทรงปกครองดินแดน Khanduras อยู่อย่างสงบสุข...โดยไม่รู้เลยว่าภายใต้ราชสำนักของตนหรือภายใต้โบสถ์แห่ง Horadrim นั้นก้อนผลึกสีแดงดุจโลหิต..นอนสงบรอคอยเวลาที่เหมาะสมอยู่อย่างเงียบงัน...

ในไม่ช้า Diablo ที่ถูกผนึกอยู่ในSoul Stone ก็เริ่มมีพลังกล้าแข็งมากขึ้นสามารถมีอำนาจล่อลวงหัวหน้าบาทหลวง Lazarus ให้ลงมาใต้โบสถ์ได้สำเร็จ...และในที่สุด Lazarus ก็ถูกครอบงำและได้ปลดปล่อยอำนาจของจอมอสูรแห่งความกลัว...ออกมาก...บัดนี้ แผ่นดิน Tristram กำลังจะเข้าสู่ยุคแห่งความมืด...ช่วงเวลาแห่งฝันร้าย..ตำนานบทแรกของสงคราม สามจ้าวอสูร...เริ่มต้นขึ้นแล้ว....

Diablo นั้นต้องการได้วิญญาณของมนุษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดเพื่อมาใช้เป็นร่างของ ตน...เพื่อฟื้นพลังของตนกลับมา..ในตอนแรกนั้น...Diablo ต้องการจะได้ร่างขององค์ราชา Leoric Diablo เริ่มทำการครอบงำ Leoric ภายในจิตใจ...แต่จิตใจของ Leoric นั้นแข็งแกร่งมาก..Diablo ไม่สามารถครอบงำ Leoric ได้อย่างสมบูรณ์..แต่ถึงแม้ว่าLeoric จะไม่ถูกครอบงำโดยสมบูรณ์แต่อำนาจของ Diablo ก็แข็งแกร่งยิ่งนัก...ในไม่ช้าจิตใจของ Leoric ก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไปสู่ความคุ้มคลั่งและโดนครอบงำโดยความมืด ในที่สุดความเปลี่ยนแปลงก็เริ่มเด่นชัดมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งทางจิตใจและรูปกายภายนอก...ในที่สุด..ราชาทรงธรรม Leoric ผู้องอาจแข็งแกร่งก็กลายเป็นเพียงอดีต....ในที่สุดเหล่าประชาชน..ก็เริ่ม เรียกราชาLeoric ว่า Black Ling หรือ ราชาแห่งความมืด..บัดนี้ราชาทรงธรรมที่ผู้คนเคยนับถือกลายเป็นเพียงอดีต... คงเหลือเพียงอสูรในร่างมนุษย์ที่บ้าคลั่งในนาม ราชา ความมืดและชั่วร้ายมาเยือน Tristram โดยฝีมือ เจ้าแห่งความกลัวผู้กลับมามอบฝันร้ายให้ Sanctuary อีกครั้ง...

หัวหน้าบาทหลวง Lazarus นั้นพยายามทุกวิถีทางเพื่อปกปิดความเปลี่ยนแปลงของ Leoric แต่ขุนนางและ อัศวินที่ซื่อสัตย์ต่อ ราชา Leoric ก็เริ่มสงสัยในความเปลี่ยนแปลงของราชาของตน มากขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุด Lazarus ก็ต้องคิดแผนการใหม่ขึ้นมา.....ในที่สุด Lazarus ก็เริ่มเป่าหู ราชา Leoric ว่า อาณาจักร Westmarch นั้นวางแผนจะเข้าโจมตีและยึดครอง Khanduras และกล่อมให้ Leoric ประกาศสงคราม... เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ..และกำจัดเหล่าอัศวินตัวปัญหาทั้งหลายโดยส่งพวกเขา ไปสู่ความตายในเพลิงสงคราม....เมื่อกองทัพของอาณาจักรWestmarch นั้นแสนยิ่งใหญ่และเกรียงไกรและมีชื่อเสียงโดยเหล่า พาลาดิน knight of westmarch...กองทัพของ Leoric ก็เหมือนถูกส่งไปตายนั้นเอง…แต่ด้วยความภักดีของเหล่าอัศวิน...แม้เป็น ภารกิจที่เลวร้ายเพียงใด...ก็มิมีผู้ใดขัดคำสั่งครั้งนี้...แม้จะหมายถึงนี่ จะเป็นสงครามครั้งสุดท้ายของพวกเขาก็ตาม

Tuesday, June 24, 2008

Diablo II : Lord of Destruction (Episode 9)

เหล่านักบวชผู้ถูกครอบงำ...การกลับมาของจอมปีศาจแห่งนรก…และการกำเนิดของเหล่านักรบแห่งแสง

ไม่นานนักในที่สุด Mephisto ก็สามารถเอาชนะพลังของ Soul Stone และเริ่มครอบงำเหล่านักบวชแห่ง Zakarum ในที่สุดเหล่า Zakarum ก็ตกอยู่ใต้อำนาจของ Mephisto .... แต่มีเพียงผู้เดียวที่มิได้ตกอยู่ใต้อำนาจของ Mephsito นักบวชสูงสุด หัวหน้าศาสนา Zakarum ในตอนนั้นนามว่า Khalim Mephisto จึงสั่งให้เหล่านักบวชที่เหลือฆ่าและแยกร่าง Khalim ออกนำชิ้นส่วนออกไปกระจายทั่วทั้ง Kurast …..(ก่อนที่ Hero จาก Diablo 2 จะมาตามเก็บเพื่อสร้างอาวุธไปทำลาย compelling orb และเปิดทางไปหา Mephisto )

ก่อนที่ Mephisto จะสั่งให้เหล่านักบวชทำลายและแยก Soul Stone ของตนเอง ออกเป็น 7 ชิ้น 6 ชิ้น ไว้ในมือซ้ายของเหล่านักบวชขั้นสูงทั้ง 6 คน และชิ้นที่ใหญ่ที่สุดให้ Sankekur ผู้นำสูงสุดคนใหม่แทนที่ Khalim และใช้เป็นร่างของ Mephisto เอง Mephisto สั่งให้เหล่านักบวชสร้าง Compelling orb เพื่อกระจายพลังอำนาจของตนออกไปทั่วทั้ง Kurast เป็นเวลาหลายปี ที่ Mephisto ใช้เหล่านักบวชทั้งหลายเป็นฐานพลังอำนาจของตน สั่งให้มีการ บูชายัญมนุษย์ และใช้ฐานอำนาจของ Zakarum ในการหาข้อมูลข่าวสารที่ตนเองต้องการ......ในที่สุดเจ้าแห่งความเกลียด ชัง...ผู้อาวุโสแห่ง3จอมปีศาจจากนรก....กลับมาบนโลก...อีกครั้ง

ในช่วงเวลานี้นั้นเอง...เหล่า Hand of Zakarum (เหล่าพาลาดินของซาคาลุม) เริ่มเล็งเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างช้าๆของศาสนาแห่งแสง...พาลาดินจำนวน หนึ่งตัดสินใจ..ออกเดินทางไปยังดินแดนตะวันตก...มุ่งสู่ Westmarch..ที่ซึ่งตนสามารถช่วยเหลือผู้บริสุทธิ์โดยไม่ตกเป็นเครื่องมือของ ผู้อื่น....เหล่าพาลาดินกลุ่มนี้เรียกตนเองว่า Knight of Westmarch ทำหน้าที่ต่อสู้กับปีศาจร้ายและเหล่าโจร ช่วยเหลือผู้บริสุทธิ์ เป็นเหล่านักรบแห่งแสงที่แท้จริง...(Tip. Paladin ใน Diablo 2 อยู่ในกลุ่มนี้นะครับ)

ทางด้าน Mephisto ในที่สุดก็ครอบงำเหล่านักบวชและประชาชนที่อยู่อาศัยรอบๆ วิหารแห่งแสงได้สำเร็จ...ในไม่ช้า Mephisto ได้ส่งลูกน้องที่เชื่อใจที่สุด...หัวหน้าบาทหลวง Lazarus ไปยังป่าที่ Tristram เพื่อปลดปล่อย Diablo โดยส่งไปในนามทูตจาก Zakarum ไปหาราชา Leoric ในที่สุดวิหารแห่งแสงที่เคยยิ่งใหญ่รุ่งเรืองในอดีตก็ถูกกล่าวขานในชื่อ ใหม่...วิหารแห่งความมืด...เหล่าผู้นับถือศาสนา Zakarum ที่อยู่อาศัยรอบๆตกอยู่ในความบ้าคลั่ง...ของเจ้าแห่งความเกลียดชัง...ตลอด กาล

Thursday, June 19, 2008

Diablo II : Lord of Destruction (Special IV)

ดินแดนแห่งแคนดูรัส อาณาจักรเกรียงไกร Westmarch และราชันย์ผู้ยิ่งใหญ่ Leoric

เป็นเวลาหลายปีหลังจากการหายไปของเหล่าจอมเวทย์ Horadrim ได้มีสังคมที่เจริญเติบโตเกิดขึ้นมากมายใน ดินแดนทางตะวันตก เมื่อเวลาผ่านไปเหล่านักเดินทางจากทางตะวันออกได้เริ่มตั้งรกรากขึ้นรอบๆ พื้นที่ Khanduras ….ไม่นานก็กลายเป็นอาณาจักรขนาดเล็กที่พึ่งพาตนเองหลายๆอาณาจักรก็เกิดขึ้น อาณาจักรเหล่านี้มีการโต้เถียงกับดินแดน Khanduras บ่อยครั้งในเรื่อง ทรัพยากรและเส้นทางการค้า การปะทะกันเล็กๆเหล่านี้ได้รบกวนสันติสุขทางตะวันตก และอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ทางตอนเหนือ Westmarch นั้นก็เป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งกับ Khanduras เนื่องจากทั้งสองอาณาจักรนั้นมีข้อตกลงทางการค้าร่วมกันมายาวนาน

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ศาสนาเกิดใหม่ Zakarum ได้เริ่มกระจายคำสอนของศาสนาออกไปทั่วทั้งดินแดน และในที่สุดผู้คนใน Westmarch ก็รับเอาศาสนานี้เข้าไปเช่นกัน และเชื่อว่าการกระจายคำสอนเหล่านี้ออกไปเป็นภารกิจศักดิ์สิทธิ์ที่ต้องทำตาม ในไม่ช้า Westmarch ก็ได้หันเข้าหาอาณาจักรเพื่อนบ้านเพื่อกระจายคำสอนแห่ง Zakarum โดยคาดหวังให้อาณาจักรทั้งหลายรับเอาความเชื่อใหม่นี้เข้าไป....ในไม่ช้า ความตึงเครียดก็เริ่มครอบงำสันติสุขอันยาวนานของสองอาณาจักร Westmarch และ Khandurus เมื่อเหล่านักบวชแห่ง Zakarum ออกไปเทศนา ศาสนาของตนโดยไม่คำนึงว่าจะได้รับการต้อนรับหรือไม่....

ตอนนั้นเองที่ท่าน ลอร์ดผู้ยิ่งใหญ่จากทางเหนือ Leoric เข้ามาที่ดินแดน Khanduras และภายในนามของ Zakarum Leoric ตั้งตนเองขึ้นเป็นราชา Leoric นั้นอุทิศตนให้แก่ศาสนาอย่างมาก พร้อมกับนำเหล่าอัศวินและนักบวชของตนมายังดินแดน Khanduras Leoric และที่ปรึกษาคนสำคัญ Lazarus เดินทางมาถึงเมือง Tristram ( Lazarus นั้นเป็นเหมือนกับทูตที่ทาง Zakarum ส่งมาหา Leoric) และที่ Tristram นั่นเอง Leoric ได้พบกับโบสถ์โบราณของเมือง Tristram Leoric ตัดสินใจให้ที่แห่งนี้เป็นที่ตั้งของสภาและบัลลังค์ของตน และได้สั่งการให้มีการปรับปรุงบูรณะให้ โบส์ถ์แห่ง Tristram กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง......

ถึงแม้เหล่าผู้คนอิสระทั้งหลายแห่ง Khanduras จะไม่พอใจที่อยู่ๆก็ถูกปกครองโดยราชาจากต่างแดน Leoric ปกครองประชาชนอย่างยุติธรรมและทรงอำนาจ ในที่สุดเหล่าผู้คนแห่ง Khanduras ก็เริ่มเคารพนับถือราชาองค์นี้เนื่องจากประชาชนทั้งหลายรู้ว่า Leoric เพียงแค่ต้องการนำพาและปกป้องพวกตนจากความมืดมิดทั้งหลายนั่นเอง

Sunday, June 15, 2008

Diablo II : Lord of Destruction (Special III)

นักบวช Zakarum ….ศาสนาแห่งแสงสว่าง....และเหล่าอัศวินแห่งแสง Paladin..

นานมาแล้ว...เทวทูตองค์หนึ่งนาม Yaerius ได้พบกับผู้บำเพ็ญศีลคนหนึ่งชื่อว่า Akarat Yaerius ได้สอนถึงหลักการและความเชื่อของศาสนาแห่งแสง Zakarum

คำสอนนี้พูดถึงหลักการการอดทนต่อสิ่งชั่วร้ายทั้งหลาย และยึดถือยึดมั่นและอุทิศตนอย่างไร้ข้อกังขาต่อ...แสงสว่าง และแสงสว่างในจิตใจจะขับไล่สิ่งชั่วร้ายทั้งหลาย Yaerius แต่งตั้งให้ Akarat เป็นตัวแทนเพื่อเผยแพร่คำสอนนี้ออกไป ศาสนาใหม่นี้เผยแพร่ต่อผู้คนธรรมดาทั่วไป และในที่สุดเหล่าผู้คนแห่งเมือง Kurast ก็รับคำสอนนี้เข้าไปในสังคม...พวกเขาส่งเหล่าผู้นับถือออกไปเผยแพร่คำสอน ทั่วทั้งแผ่นดิน...

ในที่สุดภายในเวลาเพียงไม่ถึงครึ่งศตวรรษ Zakarum กลายเป็นลัทธิที่ทรงอำนาจทั้งทางการเมืองและทางความเชื่อ......ในทางตะวันออก

และเมื่อมีอำนาจทั้งทางการเงินและทางการเมืองแล้วในที่สุด Zakarum ก็ได้ก่อตั้งเหล่านักรบศักดิสิทธิ์ผู้ทำการต่อสู้กับความชั่วร้ายในนามของ แสงสว่างนี่คือการกำเนิดของเหล่า Paladin รุ่นแรก รู้จักกันในชื่อ Hand of Zakarum …. หัตย์แห่งซาคาลัม...

เมื่อในช่วงเวลานั้นย่อมไม่มีปีศาจให้เหล่านักรบไปต่อสู้ด้วย....ความ ชั่วร้ายในความคิดของพวกเขาเหล่า Zakarum ก็คือเหล่าผู้ไม่ยอมนับถือศาสนาเช่นตน.....เหล่า Paladin ถูกส่งไปต่อสู้กับผู้อยู่ต่างศาสนานั่นเอง....

Zakarum นั้นมีศูนย์กลางอยู่ที่ Travincial ภายใน Kurast โดยมีวิหารแห่งแสงตั้งอยู่ตรงกลางภายในปกครองโดยเหล่า สภาสูงแห่ง Zakarum และมีผู้ปกครองสูงสุดคือ Que-Hegan เป็นชื่อตำแหน่งสูงสุด โดยมีเหล่า paladin และ อัศวิน เป็นตำแหน่งรองลงมา......

Wednesday, June 11, 2008

Diablo II : Lord of Destruction (Episode 8)

กำเนิดเหล่าจอมเวทย์ Horadrim..และเทวทูตทรงธรรมผู้โดดเดี่ยว

เมื่อ 3 พี่น้องถูกเนรเทศลงมายังโลก แทนที่เหล่าเทวทูตจะลงมาสนใจ Sanctuary อย่างที่ Azmodan และ Belial คาดหวัง....แต่เหตุการณ์กับไม่เป็นไปดังคาด....เหล่าเทวทูตไม่ได้คิดจะมา สนใจเหลียวแลเหล่ามนุษย์แม้แต่น้อย...ตามข้อตกลงของเหล่าเทวทูตแล้วจะไม่มี เทวทูตตนใดก้าวก่ายเรื่องบนโลกโดยเด็ดขาด...

แต่ว่าในความคิดของ Tyreal แล้วหากตนเองไม่ช่วยเหลือทั้งสวรรค์และโลกจะต้องพบจุดจบโดยน้ำมือ 3 พี่น้องแน่นอน

...Tyreal ตัดสินใจขัดคำสั่งของสวรรค์ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเหล่ามนุษย์ โดยเป็นผู้สร้าง soul stone ที่ใช้กักขังทั้งสามพี่น้อง และ Tyreal ตัดสินใจก่อตั้งสมาคมจอมเวทย์ Horadrim โดยการรวบรวม 3 สมาคมเวทย์ใหญ่จากทางตะวันออก และมอบหมายหน้าที่ในการกักขัง 3 พี่น้องให้กับเหล่าจอมเวทย์....

การตัดสินใจช่วยเหลือมนุษย์ครั้งนี้ของ Tyreal ส่งผลให้เทวทูตผู้ทรงธรรมต้องถูกขับไล่ออกจากสวรรค์...(จริงๆแล้วในช่วงแรก หรือช่วงสงคราม sin war นั้น Tyreal นั้นรังเกียจและต้องการจะทำลายมนุษย์เพราะคิดว่ามนุษย์นั้นเป็นสิ่งมีชีวิต ที่ชั่วร้ายเนื่องจากมีสายเลือดปีศาจไหลเวียนอยู่ในกายครึ่งหนึ่ง....แต่ ท้ายที่สุดในตอนจบของสงคราม Uldyssian นั้นเสียสละตนเองเพื่อช่วยเหลือเหล่าเพื่อนพ้อง คนที่ตนรัก และ Sanctuary ไว้ ทำให้ Tyreal เปลี่ยนทัศนะที่มีต่อมนุษย์ใหม่เพราะมีมนุษย์ผู้หนึ่งเสียสละอย่างยิ่งใหญ่ ให้ Tyreal ได้เห็น)

และเนื่องจากความทรงจำของเหล่ามนุษย์ที่ถูกลบไปแล้วในตอนจบสงคราม sin war ทำให้ไม่มีใครล่วงรู้ถึงใบหน้าที่แท้จริงของจอมเทพองค์นี้....

เหล่าจอมเวทย์แห่ง Horadrim ออกตามล่า 3 พี่น้องจอมปีศาจอย่างไม่ลดละในที่สุด Mephisto ก็ถูกปราบและผนึกไว้เป็นรายแรก Soul Stone ของ Mephisto ถูกผนึกไว้ใต้วิหารแห่งแสงที่เมือง kurast โดยมีเหล่า นักบวชแห่ง Zakarum คอยดูแลรักษา..
Diablo และ Baal หนีไปทางตะวันตก จนกระทั่ง baal ไปถึงเมือง Lut gholein Baal เข้าโจมตีเมืองหลายวันติดต่อกันจนในที่สุด เหล่า Horadrim ก็ตามมาถึงและเข้าต่อสู่กับ Baal ระหว่างการต่อสู่ Baal ได้ทำลาย Soul Stone ที่จะใช้กักขังตนแตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย...ก่อนจะถูกปราบสำเร็จ Tal rasha หนึ่งในจอมเวทย์ผู้เก่งกาจกักขัง Baal ลงใน Soul stone และพบว่า Soul Stone ชิ้นเล็กนั้นไม่สามารถกักขัง Baal ไว้ได้ Tal rasha ตัดสินใจใช้ร่างกายและวิญญาณของตนเป็นตัวช่วยผนึกวิญญาณ Baal ก่อนจะผนึกร่างตนไว้ใต้วิหารลับปิดผนึกและสร้างวิหารลวงขึ้นมาอีก 6 แห่ง รวมเป็น 7 วิหาร Tal rasha ทนทุกข์ทรมานใช้ความแข็งแกร่งของจิตวิญญาณของตนต่อสู้กับ Baal ภายในจิตใจตลอดกาล...

Jered cain หนึ่งในจอมเวทย์ Horadrim นำพาเหล่าจอมเวทย์ที่เหลือออกตามล่า Diablo ไปทางตะวันตก...Diablo ทิ้งปีศาจร้ายทั้งหลายไว้ขัดขวางเป็นระยะๆ จนในที่สุดในศึกใหญ่ครั้งสุดท้ายเหล่าจอมเวทย์ก็สามารถเอาขนะ Diablo และ กักขัง Diablo ได้สำเร็จ ก่อนจะนำ Soul stone ของจอมปีศาจไปซ่อนไว้ภายในเขาวงกตขนาดใหญ่ภายใต้โบสถ์แห่ง เมือง Tristram ……. Jered cain คอยอยู่เฝ้าดูแลเมือง Tristram สืบต่อมา......

กาลเวลาผ่านไปผู้คนลืมเลือน...เหล่าจอมเวทย์แห่ง Horadrim สูญหาย เรื่องเหล่าของ 3 จอมปีศาจร้ายแห่งนรกกลายเป็นเหมือนนิทาน ไว้ขู่เด็กดื้อให้เข้านอน....คงเหลือเพียง Horadrim คนสุดท้าย...เพียงผู้สุดท้ายที่ยังคงเก็บรักษาความรู้เมื่อครั้งอดีตกาล.... ผู้สุดท้ายของสมาคมที่ครั้งหนึ่งเคยยิ่งใหญ่เกรียงไกร....นามนั้นคือ Deckard Cain ผู้สืบเชื้อสายของ Jered Cain

Saturday, June 7, 2008

Diablo II : Lord of Destruction (Episode 7)

สงครามของเหล่าปีศาจ และบัลลังค์จอมราชันแห่งนรก...ที่ว่างเปล่า

เมื่อ 3 จอมปีศาจล่วงรู้ถึงความสำคัญของ world stone และคิดตรงกันแล้วว่า world stone และ sanctuary นั้นจะเป็นตัวแปรสำคัญในการได้มาซึ่งชัยชนะต่อเหล่าเทวทูต.....ทั้ง 3 จึงเริ่มวางแผนการ...แผนการซึ่งมีเดิมพันที่สูงยิ่ง...แผนการเพื่อให้ได้มา ซึ่งขุมพลังอันยิ่งใหญ่.....

ถึงแม้เหล่า 3 จอมปีศาจจะมีความเห็นที่ตรงกันแต่เหล่าปีศาจชั้นปกครองที่เหลือมิได้เห็นด้วย กับความคิดนี้ เหล่าปีศาจที่เหลือกลับคิดว่าควรจะพุ่งความสนใจไปกับ การทำสงครามกับเหล่าเทพมากกว่า และไม่นานก็เริ่มมีความคิดในเหล่าปีศาจ ว่า 3 จอมปีศาจเกรงกลัวที่จะทำสงครามต่อไป....

Azmodan และ Belial เล็งเห็นว่านี่เป็นโอกาสที่จะกำจัด 3 จอมปีศาจทิ้งและขึ้นมาปกครองนรกแทน ทั้ง2ทำสัญญาตกลงกับเหล่าปีศาจที่เหลือ เกลี่ยวกล่อมเหล่าปีศาจทั้งหลาย ว่าความหายนะของเหล่ามนุษย์นั้นมิสามารถทำให้เหล่าปีศาจเอาชนะเทวทูตได้... Azmodan และ Belial วางแผนที่จะก่อสงครามครั้งใหญ่สงครามขั้นเด็ดขาดกับเหล่า เทวทูต แต่ก่อนอื่นนั้นพวกเขาต้องจัดการกับ ทั้ง 3 พี่น้องจอมปีศาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในนรกเสียก่อน......

เหตุการณ์ครั้งนี้นำไปสู่การก่อกบฎและสงครามในนรก...สงครามระหว่างเหล่า ปีศาจทั้งนรก...กับ 3 จอมปีศาจ ทั้ง 3 ต่อสู่กับเหล่ากองกำลังปีศาจมากมาย........เป็นหายนะครั้งใหญ่ในนรก เหล่าปีศาจล้มตายไปจำนวนมากและสุดท้าย...น้ำน้อยก็ย่อมแพ้ไฟ...ทั้งอ่อนแรง และไร้กำลัง...ทั้ง 3 ถูกขับไล่ไปยัง Sanctuary….และนี่คือจุดเริ่มต้นของหายนะบนโลก....

Azmodan นั้นหวังให้ทั้ง 3 ติดอยู่ในโลกมนุษย์ไปตลอดกาล...และยังเชื่อด้วยว่าเมื่อทั้ง3อยู่บนโลกแล้ว เหล่าเทวทูตจะต้อง มุ่งความสนใจไปที่โลกมนุษย์ซึ่งจะทำให้การป้องกันของสวรรค์นั้นถูกละเลยและ สามารถเข้าโจมตีสวรรค์ได้ง่ายดาย...เหล่าปีศาจที่ยังคงซื่อสัตย์ต่อ 3 จอมปีศาจถูกขับไล่และหลบหนีไปยังบนโลกออกตามหาเจ้านายของตน...

ท่ามกลางเปลวเพลิงและเศษซากจากการทำศึกกับทั้ง 3 จอมปีศาจ.....Azmodan และ Belial เริ่มถกเถียงว่าใครจะเป็นผู้ปกครองสูงสุดของนรก...ข้อตกลงและสัญญาทั้งหมด ถูกลืม...และสุดท้ายทั้งสอง...นำกองทัพปีศาจเข้าต่อสู้กันเพื่ออำนาจสูงสุด ในนรก...สงครามในนรกเกิดขึ้นเกือบจะทันทีหลังจากสงครามครั้งแรกจบลง..แต่ สงครามครั้งนี้ยังไม่มีผู้ชนะจวบจนทุกวันนี้...บัลลังค์ของราชาแห่งนรกยังคง ว่างเปล่าไร้ผู้ครอบครอง...รอคอยเจ้าของที่แท้จริงปรากฎตัวอีกครั้ง

Friday, June 6, 2008

Diablo II : Lord of Destruction (Special II)

สงครามของสมาคมเวทย์ และกำเนิดเหล่ามือสังหารในความมืด

กาลเวลาล่วงเลยไปบนโลกของ Sanctuary เราผู้คนใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบสุข ถึงแม้จะมีสงครามระหว่างชนเผ่า หรือความขัดแย้งระหว่างประเทศ แต่ก็ยังห่างไกลกับสงครามกับเหล่าปีศาจในอดีต.....

เกิดการก่อตั้งสมาคมเวทย์ที่ยิ่งใหญ่ขึ้น ในชื่อ Vizjerei เหล่า Vizjerei ศึกษาความรู้ทางด้านอาคมสายต่างๆ แสวงหาพลังที่ยิ่งใหญ่รวมถึงความรู้ต่างรอบ โลก Sactuary และภายในสมาคมนี้เองมี จอมเวทย์ผู้อยู่บนจุดสูงสุดอยู่สองคนทั้งสองเป็นพี่น้องกัน หนึ่งนั้นคือ Horazon และอีกหนึ่งคือ Bartuc ........

ทั้งสองค้นพบวิธีอัญเชิญเหล่าปีศาจมาจากขุมนรก.......Horazon นั้นเห็นว่าควรจะกักขังเหล่าปีศาจไว้และใช้อำนาจเวทย์เพื่อบังคับให้เหล่า ปีศาจเชื่อฟัง (Mind control) แต่ว่า Bartuc นั้นเริ่มหันเข้าสู่ด้านมืดโดยการศึกษาอาคมด้านมืดของเหล่าปีศาจจนในที่สุด ......Bartuc ก็เข้าสู่ด้านมืดอย่างเต็มตัวและเข้าเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพปีศาจแห่งนรก เพื่อให้ได้มาซึ่งพลัง.....พลังซึ่งในที่สุดแล้วย่อมต้องแลกมาด้วยราคาซึ่ง สูงนัก........

Bartuc นั้นเริ่มทรงอำนาจขึ้นเรื่อยๆ มากจนกระทั่ง เหล่าปีศาจยังต้องกลัวเกรง และในที่สุด Bartuc ก็คลุ้มคลั่งในที่สุด Bartuc กระหายเลือดเหล่ามนุษย์ และเมื่อถึงเวลาเข้าทำศึก Bartuc จะสังหารศัตรูอย่างโหดเหี้ยมก่อนจะชีกร่างศัตรูเป็นชิ้นๆและอาบเลือดของ ศัตรูจนในที่สุด Bartuc ก็ได้สมญาว่า Warlord of Blood สมญาซี่ง เป็นที่กลัวเกรงไปทั่วทั้งสนามรบไม่ว่าจะปีศาจหรือมนุษย์.....

ในที่สุดศึกสุดท้ายระหว่าง Horazon และ Bartuc ก็มาถึง สงครามครั้งนี้จบลงที่ชัยชนะของ Horazon และเหล่า Vizjerei Horazon แยกหัวและร่างของ Bartuc ออกจากกันก่อนจะผนึกไว้พร้อมกับเกราะของ Bartuc แต่เหล่า จอมเวทก็เสียสละชีวิตไปมากมายเหลือเกิน เหล่า Vizjerai จะไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเดิมอีก จอมเวทย์แบบ Bartuc จะต้องถูกหยุดยั้ง นี่คือจุดเริ่มต้นของการก่อตั้งสมาคมลับ เหล่ามือสังหารผู้เคลื่อนไหวในความมืดคอยสอดส่องดูแลเหล่าจอมเวทย์ ชื่อที่เหล่าจอมเวทย์หวาดกลัว สมาคม Vizjaqtar หรือที่รู้จักกันในชื่อ The Assasin .......

Horazon หายตัวไปไม่มีใครรู้ว่า Horazon หายตัวไปไหน รู้กันแค่ว่า Horazon ถูกตามล่าโดยเหล่าปีศาจ และ Horazon ก็ยังศึกษา อาคมควบคุมเหล่าปีศาจอยู่ และเฝ้าสังเกตการณ์ Sanctuary อยู่เงียบๆ....

Tip.
  1. Horazon นั้นถูกตามล่าและหนีไปซ่อนตัวภายใน arcane sanctuary ภายใต้ราชวัง ใน act 2. ของเกม diablo 2 และเมื่อ hero ไปถึงเหล่าปีศาจเข้ายึดครอง arcane ไว้หมดแล้วแต่ก็ไม่มีแม้เงาของ Horazon ชะตากรรมของ หนึ่งในจอมเวทย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์มิมีผู้ใดล่วงรู้...
  2. Hero class wizard ใน Diablo 1 เป็นสมาชิก Vizjerai

Thursday, June 5, 2008

Diablo II : Lord of Destruction (Special I)

เทวดาตกสวรรค์ ดาบมาร ShadowFang และจุดเริ่มต้นของหายนะครั้งใหม่

หลังจากสันติสุขใน Sanctuary กลับมาอีกครั้ง ก็เป็นที่แน่นอนครับ คราวนี้เหล่า เทวดาและปีศาจก็กลับมาดำเนินสงครามกันอีก สงครามที่ไม่มีทีท่าว่าจะจบสิ้น ทั้งฝ่ายนรกและ สวรรค์นั้นพยายามที่จะหาวิธีเอาชนะอีกฝ่ายให้จนได้ บนสวรรค์นั้นยังมี เทวทูตที่สำคัญอยู่อีกตนหนึ่ง ชื่อว่า Izual Izual นั้นเป็นจอมทัพและนักรบฝีมือฉกาจอีกทั้งเป็นลูกน้องคนสนิทและเพื่อนคนสำคัญ ของ Tyreal ( Tyreal นั้นถึงกับ ตีดาบขึ้นมาเองเพื่อมอบให้กับ Izual ดาบในตำนานเล่มนั้นมีขื่อว่า Azurewrath) หากใครเคยเล่น Diablo 2 คงจะคุ้นเคยกับทั้ง ดาบและ เทวทูตตนนี้นะครับ......

ไม่นานนักทางฝ่ายสวรรค์ก็ได้ข่าว ว่าทางฝั่งนรกกำลังเริ่ม ทำการตีดาบมารทรงอาณุภาพ ขึ้นมา 1 เล่ม (Shadowfang) Tyreal นั้นได้ส่ง Izual นำทัพกองทัพเทวทูตบุกไปยังนรก โดยมีเป้าหมายก็คือ หยุดยั้งการสร้าง ดาบมารเล่มนี้ Tyreal นั้นไม่รู้เลยว่าการตัดสินใจครั้งนี้จะส่งผลร้ายมหาศาลต่อทั้ง 3 โลก......ตามมา

Izual ผู้กล้าหาญสามารถนำทัพเข้าหยุดยั้งการสร้าง Shadowfang ก่อนจะสมบูรณ์ได้สำเร็จ (ในเกม Diablo 2 นั้น Shadowfang สามารถหาพบได้ด้วยนะครับ โดยเป็น unique item ที่มี status ไม่สมบูรณ์เท่าไหร่ ) แต่ว่าถึงแม้จะสามารถหยุดยั้งการสร้าง Shadowfang ไว้ได้ แต่ Izual ก็ถูกเข้าโจมตีโดยเหล่าปีศาจจำนวนมหาศาลและไม่สามารถต่อต้านเอาไว้ได้ในที่ สุด..... Izual ก็ถูกจับกุม..........

Izual ถูกทรมานอย่างแสนสาหัสจนในที่สุด Izual ก็ต้องจำยอมบอกความลับที่สำคัญแก่เหล่า 3 จอมปีศาจความลับที่เป็นต้นกำเนิดเกม Diablo ให้เราได้เล่นกัน Izual บอกแก่ 3 จอมปีศาจว่า World Stone นั้นสามารถนำมาใช้เพิ่มพลังให้แก่ทั้ง 3 ได้ นี่คือจุดเริ่มต้นของแผนการ แผนการที่จะทำให้ Sanctuary ต้องตกอยู่ในเปลวเพลิงในสงครามระหว่าง มนุษย์และจอมปีศาจทั้งสาม......สงครามที่จะถูกกล่าวขาญไปอีกยาวนาน......

หลังจากที่ Izual ทรยศต่อสวรรค์โดยการบอกความลับแก่เหล่าจอมปีศาจแล้ว Izual ก็ถูกทอดทิ้งจากสวรรค์กลายเป็นปีศาจร้ายเฝ้าวนเวียนอยู่ในนรกอยู่อย่างโดดเดี่ยว ถึงแม้วิญญาณภายในจะยังเป็น Izual จอมทัพแห่งสวรรค์ดังเดิมก็ตาม ......เพราะทั้งสรรค์และเหล่าปีศาจในนรกก็ไม่ถือว่า Izual เป็นพวกเดียวกับตน Izual วนเวียนอยู่ในนรกอย่างโดดเดี่ยวจนกระทั่ง การมาถึงของผู้กล้าจาก Diablo 2 ผู้กล้าที่จะปลดปล่อยวิญญาณจอมทัพออกจากร่างของปีศาจร้าย เพื่อความสงบ ของวิญญาณแห่งอดีตจอมทัพแห่งสวรรค์....ตลอดกาล.

Monday, June 2, 2008

Diablo II : Lord of Destruction (Episode 6)

สงครามครั้งสุดท้าย…สัญญาของปีศาจและเทวทูต และอนาคตแห่ง Sanctuary

หลังจาก Uldyssian เอาชนะ Lilith ได้แล้ว Uldyssian ก็ต้องการเปิดสงครามกับ Inarius และเหล่า Cathedral of Light Uldyssian จึงได้เดินทางไปยัง เมือง Kehjan เพื่อขอความช่วยเหลือจากเหล่าสมาคมจอมเวทย์ ณ จุดนี้ Uldyssian มีเหล่า edyram ติดตามเกือบถึง 1000 คนแล้ว และกำลังนำเหล่าผู้ติดตามเดินทางไปยังเมือง Kehjan ระหว่างการเดินทาง Rathma ก็สอน mendeln ถึงศาสย์แห่ง Necromancer และสอนให้ Mendeln สามารถเรียกวิญญาณไว้คอยช่วยเหลือและสืบหาข่าวให้ได้

ขณะกำลังเดินทางเหล่า Edyram ได้พบกับ คณะคาราวานพ่อค้าผู้ทรงอำนาจและตัดสินใจจะอาศัยเหล่าพ่อค้าเพื่อเป็นช่องทาง ให้ได้พบกับเหล่า สมาคมจอมเวทย์ Uldyssian ตัดสินใจเดินทางไปกับเหล่าพ่อค้าเพียงลำพัง.......

ระหว่างการเดินทางคณะพ่อค้าถูกโจมตีโดยจอมเวทย์และถูกสังหารเหลือแต่ Uldyssian ที่ถูกจับและนำตัวไปยังรังลับใต้เมือง Kehjan จอมเวทย์ที่จับตัว Uldyssian ต้องการใส่ร้ายว่า Uldyssian เป็นผู้สังหารเหล่าพ่อค้า จอมเวทย์ได้ทิ้ง Uldyssian ไว้กับลูกน้องของตนและออกไปเพื่อประชุมกับเหล่าสมาคม ลูกน้องของจอมเวทย์นั้นแท้จริงแล้วก็ อสูร Malic ที่ Uldyssian คิดว่าตนได้กำจัดไปแล้วตอนเข้าโจมตี Church of Triune Malic รอดชีวิตมาได้เพราะมีเศษของ World stone อยู่จึงสามารถเข้าสิงร่างใหม่ได้ และได้ใช้ร่างใหม่ดำเนินแผนการช่วยเหลือจอมเวทย์ที่เจ้าโจมตี Uldyssian และเพื่อให้ได้โอกาสที่ Malic จะสามารถหาร่างที่ทรงพลังได้ร่างของ Uldyssian...

จอมเวทย์ที่เข้าโจมตี Uldyssian ถูกสอบสวนโดยเหล่าผู้อาวุโสของสมาคมเนื่องจากตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่ามีส่วน เกี่ยวข้องในการสังหารเหล่า พ่อค้า ตอนนั้นเองที่เกิดเสียงระเบิดและตึกก็สั่นไหว เมื่อจอมเวทย์มาถึง Uldyssian ได้หายไปแล้ว ลูกน้องของจอมเวทย์ตาย และจอมเวทย์คนนั้นก็ถูก Malic เข้าสิง

Uldyssian วิ่งหนีไปตามท้องถนนและได้พบกับ เจ้าชาย Ehmad Uldyssian เล่าเรื่องทุกอย่างให้เจ้าชายฟังเชื่อคำพูดของ Uldyssian และสัญญาว่าจะหาทางให้ Uldyssian ได้พบกับเหล่าสมาคมจอมเวทย์ ในตอนนั้น Inarius ก็เริ่มแผนการให้เหล่าสาวกกระจายข่าวลือไปทั่วแผ่นดินว่า Uldyssian และเหล่า Edyrem ว่าเป็นต้นเหตุของความตายและเรื่องวุ่นวายทั่วแผ่นดิน

Inarius ได้เข้าโจมตี Uldyssian ทางจิตเพื่อทำให้ Uldyssian อ่อนแอ ทั้งสองเข้าต่อสู่กันภายในจิต Uldyssian ถึงแม้จะรู้สึกตัว แต่ก็ไม่สามารถเอาชนะ Inarius ได้ Uldyssian รู้สึกว่าตนเองอ่อนแอและ Inarius นั้นแข็งแกร่งยิ่งนัก..... แต่ที่จริงแล้ว Inarius บาดเจ็บหนักจากการเข้าสู้กับ Uldyssian ครั้งนี้ Uldyssian นั้นเป็นมากกว่าคนธรรมดา ยิ่งใหญ่และทรงพลังยิ่งนัก มากกว่า เทวทูตหรือปีศาจตนใด.....

Inarius เริ่มเกรงกลัว Uldyssian และจะทำทุกวิถีทางเพื่อกำจัด Uldyssian ถึงแม้ต้องแลกมาด้วย Sanctuary ก็ตาม......

ตอนนี้นั้น Trag’oul ไม่สามารถอำพราง โลก Sanctuary ต่อเหล่าเทวทูตได้อีกต่อไป... และเหล่า Edyrem ก็ได้เคลื่อนทัพไปยัง Cathedral of light ทางตอนเหนือที่ห่างไกล และเข้าต่อสู่กับเหล่าสมาชิกของ Cathedral of light ที่ Inarius ได้ให้พลังไว้ และ Inarius และ Uldyssian ก็เข้าต่อสู้กันเมื่อผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดบนโลกทั้งสองห่ำหั่นกัน ทั่วทั้งโลกก็ยังต้องสั่นสะเทือนเพราะการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ครั้งนี้.....
เมื่อการต่อสู้ใกล้จะจบลง....อันตรายใหม่ก็เข้าจู่โจม เหล่าเทวทูตหลายพันปรากฏกายบนท้องฟ้า......Edyrem ต่อสู้กับเหล่าเทวทูตอย่างกล้าหาญ แต่แล้ว...อันตรายสุดท้ายก็เผยตัว....ประตูนรกถูกเปิดและเหล่าปีศาจจากนรก ก็เข้าร่วมสงครามครั้งนี้เหล่าปีศาจ Edyrem nephalem และเหล่า เทวทูต เข้าสู่สงครามครั้งสุดท้าย สงครามที่จะกำหนดอนาคตของโลก และมีเพียงผู้เดียวที่จะหยุดสงครามครั้งนี้ได้ นุษย์เพียงคนเดียว

Uldyssian เอาชนะและจับตัว Inarius มาให้แก่เหล่าเทวทูตชั้นสูง ทั้ง 5 เหล่าเทวทูตทั้ง 5 ทำการโหวตเพื่อตัดสินอนาคตของ Sanctuary ผลโหวตสุดท้ายอยู่ที่ Tyreal และ Tyreal ตัดสินให้ Sanctuary คงอยู่ต่อไปและไม่ถูกทำลาย แต่จะลบความทรงจำของเหล่ามนุษย์ทิ้งทั้งหมด ตอนนั้นเอง Mephisto ก็ปรากฏตัวออกมาเพื่อยื่นข้อเสนอ เป็นข้อเสนอที่มิอาจปฏิเสธ Mephisto ให้สัญญาว่าจะไม่โจมตี Sanctuary หากมีของแลกเปลี่ยนบางอย่าง ของสิ่งนั้นคือ Inarius Mephisto ต้องการนำ Inarius กลับไปยังนรกด้วย...เหล่าเทวทูตตกลง...เมื่อ Mephisto ลาก Inarius กลับไปยังนรกที่ซึ่ง Inarius ต้องทนทุกข์ทรมานไปตลอดกาล สันติสุขและความสงบก็มาเยือน Sanctuary อย่างชั่วคราว

(ตอนนี้จะเล่าถึง Inarius ใครไม่ชอบความรุนแรงก็อย่าอ่านนะ เหอะๆๆ Inarius ถูก Mephisto กระชากปีกทิ้ง ถูกทำลายใบหน้าอันหล่อเหลา ถูกถลกหนัง และสุดท้ายเพื่อความสะใจ Mephisto เฉือนหนังตาของ Inarius ทิ้งไม่ให้สามารถหลับตาได้ และใช้โซ่เกี่ยวตรึง Inarius ไว้หน้ากระจกขนาดใหญ่ให้มองดูใบหน้าของตนเอง และขังไว้ในChamber of mirror ไปตลอดกาล)